พาไปวัด
ทิศประจิมริมฐานมณฑปนั้น มีดาบสรูปปั้นยิงฟันขาว
นุ่งหนังพยัคฆาชฎายาว ครังเคราคราวหนวดแซมสองแก้มคาง
ขั้นบันไดจะขึ้นไปมณฑปนั้น สิงโตตันสองตัวกระหนาบข้าง
ดูผาดเผ่นเหมือนจะเต้นไปตามทาง พี่ชมพลางขึ้นบนบันไดพลัน
ทั้งสาวหนุ่มเข้าประชุมกันแออัด ประณมหัตถ์ทักษิณเกษมสันต์
แต่เวียนเดินเพลินชมมาตามกัน ตามช่องชั้นกำแพงแก้วอันแพรวพราย
ทั้งซุ้มเสามณฑปกระจกแจ่ม กระจ่างแซมปลายเสาเป็นบัวหงาย
มีดอกจันทน์ก้านแย่งสลับลาย กลางกระจายดอกจอกประจำทำ
พื้นผนังหลังบัวที่ฐานปัทม์ เป็นครุฑอัดยืนเหยียบภุชงค์ขยำ
ขยิกขยุ้มกุมวาสุกรีกำ กินนรรำลายเทพประณมกร
ใบระกาหน้าบันบนชั้นมุข สุวรรณสุกเลื่อนแก้วประภัสสร
ดูยอดเยี่ยมเทียมยอดยุคุนธร กระจังซ้อนแซมใบระกาบัง
นาคสะดุ้งรุงรังกระดึงห้อย ใบโพธิ์ย้อยระเรงอยู่เหง่งหงั่ง
เสียงประสานกังสดาลกระดึงดัง วิเวกวังเวงในหัวใจครัน
บานทวารลานแลล้วนลายมุก น่าสนุกในกนกดูผกผัน
เป็นนาคครุฑยุคเหนี่ยวในเครือวัลย์ รูปยักษ์ยันยืนกอดกระบองกุม
สิงห์โตอัดกัดก้านกนกเกี่ยว เทพเหนี่ยวเครือกระหวัดหัตถ์ขยุ้ม
ชมพูพานกอดก้านกนรุม สุครีพกุมขรรค์เงื้อในเครือวงศ์
รูปนารายณ์ทรงขี่ครุฑาเหิน พรหมเจริญเสด็จยังบัลลังก์หงส์
รูปอมรกรกำพระธำมรงค์ เสด็จทรงคชสารในบานบัง
ผนังในมณฑปทั้งสี่ด้าน โอฬาฬารทองทาฝาผนัง
จำเพาะมีสี่ด้านทวารบัง ที่พื้นนั่งดาดด้วยแผ่นเงินงาม
มณฑปน้อยสวมรอยพระบาทนั้น ล้วนสุวรรณแจ่มแจ้งแสขงอร่าม
เพดานดาดลาดล้วนกระจกงาม พระเพลิงลามพร่างพร่างสว่างพราย
ตาข่ายแก้วปักกรองเป็นกรวยห้อย ระย้าย้อยแวววามอร่ามฉาย
หอมควันธูปเทียนตลบอยูอบอาย ฟุ้งกระจายรื่นรื่นทั้งห้องทอง
< นิราศพระบาท แต่งโดย พระสุนทรโวหาร (สุนทรภู์) >
จากนิราศพระบาทข้างต้นสุนทรภู่ได้บรรยายความงดงามของพระพุทธบาทสระบุรีไว้อย่างน่าสนใจ
ซึ่งพระพุทธบาทสระบุรีนั้นแม้กาลเวลาจะผ่านมานานหลายสมัย แต่ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ และความงดงามอยู่เช่นเดิม
ประวัติของพระพุทธบาทสระบุรีนั้นมีอยู่ว่าในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (กรุงศรีอยุธยา)
มีพระภิกษุสงฆ์ชาวไทยคณะหนึ่งเดินทางไปยังลังกาทวีป ด้วยหวังจะสักการบูชาพระพุทธบาท
ณ เขาสุมนกูฏ และได้ทราบว่าที่ตั้งแห่งรอยพระพุทธบาททั้งปวงตามที่ปรากฏอยู่ในตำนานว่ามีทั้งสิ้น 5 แห่ง
ซึ่ง 1 ในนั้นคือ ภูเขาที่ชื่อว่า สุวรรณบรรพต มีอยู่ในสยามประเทศ
เมื่อพระภิกษุสงฆ์คณะนั้นกลับมาสู่กรุงศรีอยุธยา จึงนำความขึ้นถวายสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้มีท้องตราสั่งบรรดาหัวเมืองทั้งปวงให้เที่ยวตรวจตราค้นภูเขาต่างๆ ว่ามีรอยพระพุทธบาทอยู่ ณ ที่แห่งใด
ครั้งนั้น เจ้าเมืองสระบุรี สืบได้ความจากนายพรานบุญว่า ครั้งหนึ่งออกไปล่าเนื้อในป่าใกล้เชิงเขา
ยิงถูกเนื้อตัวหนึ่งเจ็บลำบากหนีขึ้นไปบนไหล่เขา ซุกเข้าเชิงไม้หายไป พอบัดเดี๋ยวก็เห็นเนื้อตัวนั้น
วิ่งออกมาเป็นปกติอย่างเก่า นายพรานบุญก็ประหลาดใจ จึงตามขึ้นไปดูสถานที่บนไหล่เขานั้น
ก็พบรอยปรากฏอยู่ในศิลา มีลักษณะเหมือนรูปรอยเท้าคน ขนาดยาวประมาณสักศอกเศษ
และในรอยนั้นมีน้ำขัง นายพรานบุญเข้าใจว่าบาดแผลของเนื้อตัวที่ถูกตนยิงคงหายเพราะดื่มน้ำในรอยนั้น
จึงวักน้ำลองเอามาทาตัว บรรดาโรคผิวหนังคือ กลากเกลื้อน ซึ่งเป็นเรื้อรังมาช้านานแล้วก็หายสิ้นไป
เจ้าเมืองสระบุรี จึงสอบสวนความจริงและตรวจค้นพบรอยนั้นสมดังคำบอกเล่าของนายพรานบุญ
จึงได้แจ้งสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พระองค์จึงเสด็จพระราชดำเนินไป ณ ที่เขานั้น
เมื่อได้ทอดพระเนตรเห็นรอยนั้นจึงทรงพระราชวิจารณ์ตระหนักแน่ว่าคงเป็นรอยพระพุทธบาท
เพราะมีลายลักษณ์กงจักร ประกอบด้วยอัฏฐุตตรสตมหามงคลร้อยแปดประการ จึงเกิดพระราชศรัทธา
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ช่างก่อเป็นคฤหหลังน้อย สวมรอยพระพุทธบาทไว้เป็นการชั่วคราวก่อน
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับมายังราชธานี จึงทรงสถาปนายกที่พระพุทธบาทขึ้นเป็นเจดียสถานเป็นการสำคัญ
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระมณฑปยอดเดี่ยวสวมรอยพระพุทธบาทกำหนดเป็นพุทธเจดีย์ และสร้างอารามวัตถุอื่นๆ
เช่น พระอุโบสถ พระวิหาร ให้เป็นที่สำหรับพระภิกษุอยู่แรม ดังที่เราเห็นในปัจจุบัน
แฟนๆเพจท่านไหนมาสระบุรีก็อย่าลืมมากราบรอยพระพุทธบาท ณ วัดพระพุทธบาทแห่งนี้กันนะคะ
วัดนั้นสวยงาม และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากๆค่ะ
#เที่ยวสระบุรี #พระพุทธบาทสระบุรี #ตามรอยพระพุทธบาท #เที่ยววัดสระบุรี #วัดสวยสระบุรี
Facebook : https://www.facebook.com/papaiwatofficial
Instragram : https://www.instagram.com/papaiwatofficial
Twitter : https://twitter.com/papaiwatthai